ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา “บรั้นช์” (brunch) ที่รวบมื้อเช้ากับเที่ยงไว้ด้วยกันได้รับความนิยมจากคนกรุงเทพฯ สูงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะมนุษย์เงินเดือนหลายคนเหนื่อยล้ากับการเร่งรีบทำงานประจำ 5 วันเต็ม ๆ ตั้งแต่เช้าวันจันทร์ลากยาวไปถึงค่ำวันศุกร์ เมื่อถึงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ร่างกายแทบหมดสภาพ ทำอะไรไม่ได้ แม้กระทั่งการตื่นนอนก็ยังยาก การได้นอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงจนสายคือความสุขสุดยอด ยิ่งถ้าหากลุกขึ้นจากเตียงแล้วได้กินอาหารอร่อย ๆ มันคือสวรรค์ดี ๆ นี่เอง
“บางกอกบิ๊กเอียร์ส” พาคุณไปที่ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ โรงแรมหรูที่อยู่คู่กับกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมรตั้งแต่ปี พ.ศ. 2491 เพื่อชิมบรั้นช์ “บียอน บาวดารีย์ส” (Beyond Boundaries) ที่ดุสิตธานีย้ำว่าจัดแบบพิเศษสุด ๆ โดยให้บริการอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ตั้งแต่ 11.30 – 17.00 น. นับว่าเป็นบรั้นช์ที่ให้เวลานานที่สุด แต่ถ้าใครคิดว่าเวลา 5 ชั่วโมง 30 นาทีน้อยเกินไป โรงแรมดุสิตธานีทดเวลาให้อีก 2 ชั่วโมงหลังหยุดเสิร์ฟบุฟเฟ่ต์ ด้วยการนำของว่างและเครื่องดื่มมาเสิร์ฟต่อโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อให้ลูกค้าได้นั่งคุยกันยาว ๆ 7 ชั่วโมง 30 นาที
“ดุสิตธานี กรุงเทพฯ เข้าใจดีว่าคนที่มารับประทานอาหารในช่วงบรั้นช์ไม่อยากรีบรับประทานแล้วรีบกลับ แต่ต้องการพักผ่อนสบาย ๆ แบบไร้กังวล อยากนั่งคุยสรวลเสเฮฮากับเพื่อน ๆ หรือคนในครอบครัว สลับกับการลุกไปตักอาหารอร่อย ๆ กลับมารับประทานกันที่โต๊ะอาหาร” คุณแอนนาเบล ดาวแก้ว ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ พูดถึงบรั้นช์คอนเซ็ปต์ใหม่ “บรั้นช์นอกกรอบ” ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้นั่งยาว เม้าท์สนุก ลุกนั่งสบาย ไม่ต้องรีบร้อน
ผมเห็นด้วยกับคุณแอนนาเบล เพราะบรั้นช์ไม่ใช่แค่บุฟเฟ่ต์มื้อกลางวันทั่ว ๆ ไปที่คนรีบกินรีบกลับไปทำงาน บรั้นช์เป็น “โซเชียลไดน์นิ่ง” (social dining) เหมาะกับการพบปะพูดคุย พร้อม ๆ กับรับประทานอาหารด้วยกันในหมู่เพื่อน เวลา 5 ชั่วโมง 30 นาที บวก 2 ชั่วโมงทำให้บรั้นช์ของดุสิตธานีน่าสนใจมาก อย่าลืมว่าปากเราไม่ได้มีไว้เพียงแค่กินอาหาร ปากก็อยากจ้อ อยากเม้าท์ อยากแซว อยากหยอก ความสุขที่ได้จากการกินอาหาร ท่ามกลางเสียงหัวเราะครึกครื้นจากคนสนิททำให้คนเรามองเห็นความสวยงามของชีวิตได้แจ่มแจ้ง ทำให้มีแรงสู้กับปัญหา ถ้าใครไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้เลย ผมว่าชีวิตน่าเป็นห่วงอยู่หน่อย ๆ
เพื่อนร่วมโต๊ะอาหารของผมวันนี้น่าสนใจ ถูกคู่กับคอนเซ็ปต์ Beyond Boundaries มาก มีพี่วีณา ธูปกระแจะ อดีตบรรณาธิการเก่าที่เคยทำงานด้วยกัน ถัดไปเป็นพี่แขก “มือเก่า” นักข่าวรุ่นพี่ ทำข่าวเศรษฐกิจตั้งแต่สมัยคุณชาติชาย ชุณหะวันเป็นนายกรัฐมนตรี พี่สาวทั้ง 2 คนลาออกจากงานประจำมาทำเว็บไซต์ไลฟ์สไตล์ (www.happeningbkk.com) ส่วนอีกคนหนึ่งคือแฟนผมที่เคยเป็นนักข่าวอยู่ที่เดียวกัน พวกเราทั้งหมดเป็นศิษย์ร่วมสำนัก การกลับมารวมตัวกันใหม่ แม้จะเป็นเพียงแค่การกินข้าว ทำให้รู้สึกว่าบรั้นช์มื้อนี้สนุกแน่ ถูกต้องตามคอนเซ็ปต์ “นั่งยาว เม้าท์เพลิน” ทุกอย่าง โดยเฉพาะเมื่อ Canella Prosecco Superiore Extra Brut สปาร์คกลิ้งไวน์จากแดน “มักกะโรนี” เริ่มออกฤทธิ์แตกฟองแข่งกับน้ำลาย การพูดคุยก็ออกรสชาติมากขึ้น และก่อนที่ใครสักคนจะเอ่ยปากเม้าท์มอยอดีตเพื่อนร่วมงานและหัวหน้าที่บริษัทเก่า บทสนทนาของเราต้องหยุดชะงักลงชั่วคราวเพราะพนักงานของดุสิตธานียกอาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะ นั่นทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อยเพราะปรกติเราจะไม่พบบริการแบบนี้ในการกินอาหารแบบบุฟเฟ่ต์
“ดุสิตธานีต้องการให้บรั้นช์ “บียอน บาวดารีย์ส” มีกลิ่นอายของไฟน์ไดน์นิ่ง (fine dining) การรับประทานอาหารแบบหรูหรา มีระดับ เราจึงขอเริ่มต้นความอร่อยของบรั้นช์ด้วยอามูส บุช (Amuse-bouche) อาหารเรียกน้ำย่อยขนาดพอดีคำที่เรายกมาเสิร์ฟก่อนที่แขกจะเริ่มรับประทานอาหาร” คุณศักดิ์พัฒน์ ณิลังโส ผู้จัดการแผนกอาหารและเครื่องดื่ม โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ แนะนำจานปลาที่เพิ่งนำมาเสิร์ฟ “เมนูนี้เป็นปลาแซลมอนซาชิมิที่ปรุงสุกบนหินร้อน เพื่อเรียกน้ำย่อย ก่อนลิ้มรสอาหารหลากหลาย ตั้งแต่มุมสลัดผักออร์แกนิค ซูชิและซาชิมิระดับพรีเมี่ยม”
เมื่อเดินดูอาหารที่จัดไว้มีหลายรายการหน้าตาน่ากินคาดว่าคงถูกใจหลาย ๆ คน ยิ่งแฟน ๆ อาหารญี่ปุ่นจะต้องตาโตเมื่อเห็นปลาแซลมอน ปลาฮามาจิ ปลาซาโยริ ปลาชิมะ-อาจิ หอยสังข์ ปลาหมึกยักษ์ ตลอดจนเนื้อวากิวและหอยเม่น ที่เชฟสามารถปรุงตามที่แขกต้องการไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบปิ้งย่าง หรือทำซูชิขนาดพอดีคำ ส่วนอาหารทะเลสด ๆ มีทั้งกุ้งล็อบสเตอร์ ขาปูยักษ์อลาสก้า กุ้งแม่น้ำตัวโต ปลาหมึกสด หอยนางรมสด ปลาค็อด หอยเชลล์สดจากสกอตแลนด์ ฟัวกราส์ และอื่น ๆ อีกมากมาย ผมได้กุ้งล็อบสเตอร์กับปลาแซลมอนอบเกลือมากินกับไวน์ขาวโซวินญอง บลอง จากชิลี เมื่อกลับมานั่งที่โต๊ะเห็นเพื่อนร่วมงานสั่งกุ้งล็อบสเตอร์-เทอร์มิดอร์ตัวใหญ่จัดเสิร์ฟอยู่บนถาดไม้ ดูแล้วน่ากินมาก
นอกจากอาหารมากมายที่วางเต็มโต๊ะบุฟเฟ่ต์ คนที่มารับประทานอาหารช่วงบรั้นช์สามารถสั่งอาหารจานหลัก หรือ main course เพิ่มเติมได้ มีกุ้งล็อบสเตอร์อบชีส หรือกุ้งล็อบสเตอร์- เทอร์มิดอร์รวมอยู่ด้วย ผมเลือกซี่โครงแกะจากนิวซีแลนด์ย่างชิ้นเล็ก ๆ มาลองชิมกับไวน์แดง อร่อยจนอยากจะขอเพิ่ม แต่กุ้งมังกร แซลมอน และเนื้อแกะเริ่มทำผมนิ่งจนต้องวางมีดกับส้อมหันไปให้ความสนใจไวน์และการสนทนาที่เริ่มสนุกสนานมากกว่าเดิม บางครั้งมีการเตือนให้ “ออฟเรคคอร์ด” เพราะเป็นเรื่องที่อ่อนไหว ฮ่ะฮา …บางเรื่องเป็นประเด็น “ดักแก่” เมื่อพี่วีณากับพี่แขกพูดถึง “บับเบิ้ล” ไนท์คลับของโรงแรมดุสิตธานี ดิสโก้ในตำนานที่ดังมากในยุค 70-80 ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง “แซทเทอร์เดย์ ไนท์ ฟีเว่อร์” (Saturday Night Fever) ถึงตอนนี้ผมตามพี่ ๆ ไม่ทัน ต้องตัดเข้าโฆษณา ปลีกตัวออกไปดูเครื่องดื่มที่โรงแรมดุสิตธานีจัดสำหรับอาหารช่วงบรั้นช์ “บียอน บาวดารีย์ส”
นอกจาก Canella Prosecco Superiore Extra Brut สปาร์คกลิ้งไวน์รสชาติซุปเปอร์ดรายที่มีดื่มได้ตลอดช่วงเวลา 11.30 – 17.00 น. ดุสิตธานี กรุงเทพฯ ยังจัดไวน์แดง (Delas Cotes-du-Rhone St. Esprit Rouge 2015, MontGras Cabernet Sauvignon 2016 และ MontGras Merlot 2017) ส่วนไวน์ขาวเป็นไวน์มาจากฝรั่งเศส (Dels Cotes-du-Rhone Blanc 2016) และชิลี (MontGras Sauvignon Blanc) สำหรับบางคนที่คิดว่าไวน์ขาวและไวน์แดงหนักเกินไปสำหรับมื้อเที่ยง สามารถจัดเบา ๆ ชิล ๆ กับไวน์โรเซ่สีหวาน Sauvion Rose d’Anjou Chemin des Sables 2015 เพื่อเพิ่มสีสันให้วันหยุดดี ๆ ที่ไม่ต้องรีบหรือกังวลเรื่องเวลา คนที่ต้องการเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์สามารถเลือกดื่มน้ำผลไม้ซึ่งมีให้เลือกหลายชนิด
เรานั่งคุยกันจนถึงบ่าย 3 โมงครึ่ง โดยบทสนทนายังวนเวียนอยู่แถว ๆ ศาลาแดง หลังจากที่มีข่าวเรื่องการปิดตัวของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ เพื่อนำพื้นที่ไปพัฒนา หลายคนพากันคิดว่าโรงแรมหยุดให้บริการแล้ว ความจริงคือโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ และร้านอาหารทุกร้านยังเปิดให้บริการทุกวัน จนถึงวันเสาร์ที่ 5 มกราคม 2562 เวลา 14.00 น. เป็นวันให้บริการวันสุดท้าย
“ช่วงต่อไปนี้ดุสิตธานี กรุงเทพฯ จะจัดกิจกรรมออกมาเป็นระยะ เพื่อให้ลูกค้าและแฟน ๆ ของโรงแรมดุสิตได้เข้ามาใช้บริการ เรารู้ว่าหลายคนมีความผูกพันกับดุสิตธานี ไม่ว่าจะเป็นความสนุกสนานที่ “บับเบิ้ล” หรือห้องบอลรูมของดุสิตธานีที่แขกบางคนเคยมาจัดงานแต่งงานที่นี่” คุณแอนนาเบล ดาวแก้ว กล่าวก่อนที่ทุกคนจะลุกไปดูขนม ส่วนผมออกไปดูชีสมากินแกล้มไวน์
บรั้นช์ “บียอน บาวดารีย์ส มื้อเที่ยงที่กินกันได้ยาว ๆ
ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2561 บรั้นช์บุฟเฟ่ต์คอนเซ็ปต์ใหม่ เปิดให้บริการในวันเสาร์และอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 11.30-17.00 น. พร้อมต่อเวลาด้วยคานาเป้ให้ได้เพลิดเพลินกันจนถึงเวลา 19.00 น. นอกจากนี้ดุสิตธานีมอบโปรโมชั่นสุดพิเศษให้ลูกค้าที่มา 3 คนจ่ายเพียง 2 คน ภายใต้ชื่อ “The Triple Double”
ราคาท่านละ 2,900บาท++ รวมซอฟท์ดริ้งค์ และน้ำผลไม้แบบเติมไม่อั้น เสิร์ฟ 1 ดริ้งค์ (ในเมนูที่กำหนด)
ราคาท่านละ 3,600 บาท++ รวมทุกอย่างข้างต้น พร้อมเบียร์ ไวน์ และสปาร์คกลิ้งไวน์ ดื่มได้ไม่จำกัด
ราคาท่านละ 4,900 บาท++ รวมทุกอย่างเบื้องต้น พร้อม Taittinger แชมเปญ ที่ดื่มได้ไม่จำกัด
สำรองที่นั่งได้ที่ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 200 9000 ต่อ 2345 หรืออีเมล์: dtbkdining@dusit.com เว็บไซต์: www.dusit.com/dtbk, www.facebook.com/dusitthani