การท่องเที่ยวไทยรุกตลาดซาอุดีอาระเบีย หวังจำนวนนักท่องเที่ยวจากซาอุดีอาระเบีย 300,000 คน ต่อปี หลังการขยายเส้นทางเที่ยวบินตรงและการยกเว้นวีซ่า
เมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำผู้ประกอบการไทยจัดงาน Amazing Thailand Networking Lunch 2022 ณ โรงแรม เจดับบลิว แมริออท ริยาดห์ นำเสนอการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพภายใต้แนวคิด Amazing Thailand Health and Wellness Product showcase เพื่อขยายตลาดการท่องเที่ยวไทยในซาอุฯ
ในการจัดงานครั้งนี้ มีผู้ประกอบการไทย 11 ราย พบปะผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและนักลงทุนชาวซาอุดีอาระเบีย นำเสนอจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
“ททท. เล็งเห็นโอกาสในการพลิกฟื้นการท่องเที่ยวไทย-ซาอุดีอาระเบีย และต่อยอดขยายตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพใหม่ ตามกลยุทธ์ส่งเสริมตลาดต่างประเทศ ผ่านแคมแปญสื่อสารการตลาด “Visit Thailand Year 2022-2023 : Amazing New Chapters” จึงกำหนดจัดงานส่งเสริมการท่องเที่ยว ณ กรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ประกอบด้วย 2 กิจกรรม ได้แก่ งาน Amazing Thailand Networking Lunch 2022 ในวันที่ 1 ธันวาคม 2565 ณ โรงแรม เจดับบลิว แมริออท ริยาดห์ ภายใต้แนวคิด Amazing Thailand Health and Wellness Product showcase” นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกล่าว
ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทย จำนวน 11 ราย ประกอบด้วย ประเภทธุรกิจโรงพยาบาลและสถานประกอบการเชิงสุขภาพ 5 ราย ประเภทโรงแรมที่พัก 1 ราย ธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ 5 ราย และบริษัท Thailand Privilege Card พบปะผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและนักลงทุนชาวซาอุดีอาระเบีย ภายในงานประกอบด้วย การเจรจาธุรกิจในรูปแบบ Free Flow Speed Dating ระหว่างผู้ประกอบการไทยและซาอุดีอาระเบียเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการทำความรู้จัก แลกเปลี่ยนทิศทางธุรกิจ และการนำเสนอสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น
“ในขณะเดียวกัน ช่วงระหว่างวันที่ 1-3 ธันวาคม 2565 ททท. ยังได้จัดงานส่งเสริมการตลาด Amazing Thailand Fest 2022 ณ ห้างสรรพสินค้าริยาด พาร์ค นำเสนอประสบการณ์เกี่ยวกับประเทศไทยผ่านสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวหลัก เสนอความสวยงามและหลากหลายของธรรมชาติ (Nature) อาหารไทย (Food) และความเป็นไทย (Thainess) ให้ผู้สนใจในกรุงริยาด” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกล่าว
ภายในงานมีการจัดบูธประชาสัมพันธ์ของผู้ประกอบการจำนวน 15 ราย ได้แก่ พันธมิตรในพื้นที่ตลาดซาอุดีอาระเบีย Almosafer, Akbar Travels และผู้ประกอบการไทย รวมถึง Thailand Privilege Card และคูหาบริการข่าวสารท่องเที่ยวของ ททท. ไม่เพียงเท่านั้น ททท. ยังชวนสัมผัสเสน่ห์แห่งวัฒนธรรมไทยผ่านการแสดงเชิงวัฒนธรรม ได้แก่ หุ่นละครเล็กโจหลุยส์ รำไทย มวยไทย และเพลิดเพลินการสาธิตภูมิปัญญาไทยการวาดร่ม สานปลาตะเพียนและการทำเครื่องดื่มชาชัก เพื่อให้นักท่องเที่ยวชาวซาอุดีอาระเบียได้รับประสบการณ์เกี่ยวกับประเทศไทยนำไปสู่การตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวในระยะเวลาอันใกล้ต่อไป ตลอดระยะเวลาจัดงานมีผู้เข้าร่วมงานไม่น้อยกว่า 30,000 คน
>> BIG EARS
- แอร์ แคนาดา เปิดเส้นทางบินตรง “แวนคูเวอร์-กรุงเทพฯ”
- แม่ฮ่องสอน ศรัทธา และสีสัน
- คืนสุกดิบ งานแห่พระเมืองปัตตานี
- ปอยส่างลอง สีสันฤดูร้อนกลางหุบเขา
- สุดปลายด้ามขวาน
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการประชาสัมพันธ์ความพร้อมในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานเอ็กซ์โปวาระพิเศษ (Specialised Expo) ปี 2571 จังหวัดภูเก็ต สอดรับกับนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยวของรัฐบาลที่มุ่งพัฒนาแผนการพัฒนาการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ตอกย้ำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์และสุขภาพ (Medical Hub) และจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เพื่อเจาะกลุ่มตลาดคนรุ่นใหม่ (Millennial) กลุ่มครอบครัว (Family) กลุ่มรักษาพยาบาล (Medical และ Health and Wellness) รวมทั้งกลุ่มเดินทางซ้ำ (Re-visit)
ตลาดนักท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบียถือเป็นกลุ่มเป้าหมายใหม่และเป็นตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพที่น่าจับตามอง เนื่องจากคนซาอุฯนิยมเดินทางเป็นครอบครัวขนาดใหญ่ มีความสนใจด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของไทยและชื่นชอบการช้อปปิ้งสินค้าไทยมาก ทำให้มีอัตราการใช้จ่ายสูงและเติบโตอย่างต่อเนื่อง
จากสถิติปี 2562 ประเทศไทยให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบียแล้ว 36,783 คน สร้างรายได้ 3.2 พันล้านบาท ขณะที่ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2565 – 3 พฤศจิกายน 2565 มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวซาอุดิอาระเบียสะสมทั้งสิ้น 76,216 คน โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักคือกลุ่มที่เดินทางมาเพื่อการรักษาพยาบาล และนิยมเดินทางท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล ธรรมชาติ สถานบันเทิง และช้อปปิ้ง สำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา พังงา และกระบี่
ทั้งนี้ จากการขยายตัวของสายการบินต่าง ๆ และการยกเว้นการตรวจลงตรา ไม่ต้องขอวีซ่าสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวในราชอาณาจักรไม่เกิน 30 วันจะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะช่วยสร้างโอกาสทางการค้าและกระตุ้นการเดินทางของกลุ่มนักท่องเที่ยวซาอุฯ
ทุกวันนี้ สายการบิน Emirates, Qatar Airways และ Etihad Airways ให้บริการการเดินทาง เชื่อมโยงเส้นทางจากเมืองหลัก (Riyadh) และเมืองรอง (Jeddah) รวมถึงมีเส้นทางบินตรงเข้าประเทศไทยของสายการบิน Saudia เส้นทาง Jeddah – Bangkok จำนวน 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และ เส้นทาง Jeddah – Riyadh – Bangkok จำนวน 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์
ขณะเดียวกันการบินไทย มีเส้นทางบินตรง Jeddah – Bangkok จำนวน 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ รวมถึงเส้นทางบินเชื่อมโยงจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือกาตาร์สู่ประเทศไทย
สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) คาดการณ์ว่าในอนาคต ประเทศไทยจะสามารถเพิ่มนักท่องเที่ยวจากซาอุดีอาระเบีย ได้อีก 10 เท่าจาก 36,738 ของปี 2562 สู่ 300,000 คน