สายการบินลุฟท์ฮันซ่า สวิสอินเตอร์เนชั่นแนลแอร์ไลน์ และสายการบินออสเตรียน ในกลุ่มสายการบินลุฟท์ฮันซ่า เริ่มให้บริการเที่ยวบินสู่กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม ก่อนเพิ่มเที่ยวบินจาก 16 เป็น 18 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ตั้งแต่ 25 ตุลาคม ถึง 30 พฤศจิกายนปีนี้
การเพิ่มเที่ยวบินในเส้นทางกรุงเทพฯ-ยุโรป เป็นการช่วยฟื้นฟูการเดินทางระหว่างภูมิภาคยุโรปกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านกรุงเทพฯ
นายสเตฟาน โมลนาร์ เปิดเผยว่ากลุ่มสายการบินลุฟท์ฮันซ่า ยังคงให้การสนับสนุนประเทศไทยในฟื้นฟูการเดินทางเชื่อมต่อกับสังคมโลก โดยเฉพาะกับเมืองต่าง ๆ ในยุโรป ด้วยการเพิ่มจำนวนเที่ยวบินมากขึ้นกว่าเดิม
“การกลับมาให้บริการของทั้ง 3 สายการบินในกลุ่มพรีเมี่ยมของเรา แสดงให้เห็นชัดเจนว่า แม้ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เที่ยวบินระหว่างยุโรปและไทยยังคงมีความต้องการอย่างสม่ำเสมอ ประเทศไทยเป็นตลาดที่สำคัญที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราจะให้การสนับสนุนประเทศไทยต่อไปด้วยเที่ยวบินของเรา เพื่อให้ประเทศไทยได้มีโอกาสฟื้นฟูการท่องเที่ยว และการค้าระหว่างประเทศกับภูมิภาคอื่น ๆ” นายสเตฟาน โมลนาร์ ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย ของสายการบินในกลุ่มบริษัทลุฟท์ฮันซ่า กล่าว
ใครบ้างที่เดินทางได้
ผู้โดยสารที่สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
- ผู้มีสัญชาติไทย
- ผู้มีเหตุยกเว้น โดยได้รับอนุญาตหรือเทียบเชิญจากนายกรัฐมนตรี หรือหัวหน้าเจ้าหน้าที่ราชการระดับสูง
- นักการทูต และเจ้าหน้าที่องค์การระหว่างประเทศ
- บุคคลในครอบครัวของผู้มีสัญชาติไทย
- ผู้ไม่มีสัญชาติไทย ซึ่งมีใบสำคัญถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย (Certificate of Residence Holders)
- ผู้มีใบอนุญาตทำงานตามกฎหมาย
- นักเรียน หรือนักศึกษา
- บุคคลต่างชาติ ซึ่งมีความจำเป็นต้องเข้ามารับการตรวจรักษาพยาบาลในประเทศไทย
- บุคคลต่างชาติตามข้อตกลงพิเศษ (Special Arrangement)
ผู้ไม่มีสัญชาติไทยที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้ มีคุณสมบัติดังนี้
- ผู้ถือวีซ่าประเภทคนอยู่ชั่วคราวพิเศษ (สมาชิกบัตรเอกสิทธิ์พิเศษ Thailand Elite)
- ผู้ถือวีซ่าประเภทคนอยู่ชั่วคราวเพื่อการพำนักอาศัยในประเทศไทยระยะยาว (Non-Immigrant รหัส O-A / O-X)
- ผู้ถือบัตร APEC (สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางจาก 8 เขตเศรษฐกิจที่เดินทางมาจากเขตเศรษฐกิจของตนเอง ได้แก่ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย สิงคโปร์ มาเลเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน และฮ่องกง)
- ผู้ถือวีซ่าประเภทนักท่องเที่ยวพิเศษ (Special Tourist Visa: STV)
- เริ่มตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป สำหรับผู้ถือวีซ่าพำนักอาศัยในประเทศไทยระยะสั้น (วีซ่าประเภทนักท่องเที่ยวรหัส TR สำหรับเข้าประเทศครั้งเดียว) และวีซ่าประเภทคนอยู่ชั่วคราว ประเภท B เพื่อการพำนักอาศัยในประเทศไทยระยะสั้น
เรื่องอื่น ๆ ของ BIG EARS
- จันทบุรี – เดินเล่น กินหนม ชมบ้านเก่า
- บ้านจ๊างนัก – ศิลปะจากปลายสิ่ว
- พุกาม: เมืองเจดีย์สีชมพู ริมแม่น้ำอิรวดี
- เมาะละแหม่ง – เสน่หาเมืองมอญ
หนังสือเดินทาง ตั๋วเครื่องบิน บัตรเครดิต และอื่น ๆ
ผู้โดยสารที่เดินทางเข้าประเทศไทย ต้องแสดงเอกสารประกอบดังต่อไปนี้
- ใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่ามีสุขภาพเหมาะสมต่อการเดินทางทางอากาศ (Fit-to-Fly health certificate) โดยการออกใบรับรองแพทย์ต้องมีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนออกเดินทาง
- การตรวจหาเชื้อโควิด-19 (COVID-19) ด้วยวิธี RT-PCR โดยมีผลการตรวจเชื้อที่ระบุว่าเป็นลบ (negative) หรือ ปราศจากการติดเชื้อ โดยผลการตรวจต้องมีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนออกเดินทาง
- จะต้องแสดงหนังสือรับรองว่าเป็นบุคคลที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรได้ (Certificate of Entry – COE) ณ เวลาที่เช็คอินกับสายการบิน ด่านตรวจคนเข้าเมือง ตลอดจนเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเมื่อเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ
- วีซ่าที่ยังไม่หมดอายุ หรือ ใบอนุญาตเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทย (Re-Entry Permit)
- โรงแรมหรือสถานที่กักกันเพื่อการเฝ้าระวังโรคโควิด-19 ที่รัฐกำหนด (Alternative State Quarantine: ASQ) โดยผู้เดินทางยืนยันการจองและชำระเงินเรียบร้อยแล้ว ณ วันที่เดินทางถึงกรุงเทพฯ
- ผู้โดยสารสามารถเลือกสถานที่กักกันเพื่อการเฝ้าระวังโรคโควิด-19 ที่รัฐกำหนด (ASQ) ได้จากรายชื่อของสถานที่หรือโรงแรมที่ได้รับอนุมัติอย่างเป็นทางการผ่านทางเว็บไซต์ hsscovid.com