เขาเล่าว่า …
พระเจ้ากรุงจีนมีธิดาบุญธรรมองค์หนึ่งเติบโตในจั่นหมาก จึงให้ชื่อพระธิดาสร้อยดอกหมาก เมื่อพระธิดาเติบโตถึงวัยออกเรือน พระเจ้ากรุงจีนเลือกเฟ้นหาลูกเขย ก่อนตัดสินพระทัยพระราชทานพระธิดาบุญธรรมเป็นมเหสีเจ้าชายสายน้ำผึ้ง กษัตริย์หนุ่มแห่งกรุงอโยธยา
ดีใจยิ่งกว่าได้แก้ว เจ้าชายสายน้ำผึ้งโล้สำเภาไปรับพระธิดาสร้อยดอกหมากด้วยพระองค์เอง เรื่องราวสมควรจะจบแบบหอมหวานปานน้ำผึ้งผสมน้ำตาลมะพร้าว
แต่เรื่องราวโรแมนติคบางเรื่องต้องการจุดหักเห เรื่องนี้ก็เช่นกัน
เมื่อพากันเดินทางกลับถึงอโยธยา พระเจ้าสายน้ำผึ้งเสด็จออกจากเรือเข้าวังไปก่อนเพียงลำพัง แล้วทรงให้ขุนนางมารับพระธิดาสร้อยดอกหมากตามไปภายหลัง พระธิดาพระเจ้ากรุงจีนน้อยพระทัย ยืนยันจะไม่ยอมขึ้นจากเรือหากพระเจ้าสายน้ำผึ้งไม่มารับด้วยพระองค์เอง
เมื่อพระเจ้าสายน้ำผึ้งทราบเข้าก็ตรัสหยอกเย้าขึ้นว่า
“มาถึงนี่แล้วจะอยู่ที่นั่นก็ตามเถิด”
เท่านั้นเอง พระธิดาสร้อยดอกหมากก็กลั้นใจตาย
พระเจ้าสายน้ำผึ้งจึงเชิญพระศพมาพระราชทานเพลิงที่แหลมบางกะจะ สถาปนาเป็นพระอาราม ให้นามชื่อวัดพระเจ้าพระนางเชิง
ตำนานเจ้าชายสายน้ำผึ้งพระธิดาสร้อยดอกหมากปรากฏอยู่ในพงศาวดารเหนือ หนังสือบันทึกที่นำต้นฉบับเรื่องเก่าตั้งแต่สมัยอยุธยามารวบรวมเรียบเรียงใหม่ในสมัยพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โดยกล่าวถึงคำ “พระนางเชิง” ว่าพระนางสร้อยดอกหมากมีแง่มีงอน และไว้เชิง ชื่อนี้ได้เพี้ยนมาเป็น “วัดพนัญเชิง” ในปัจจุบัน
ทุกวันนี้คนไทยจำนวนมากเดินทางไปกราบไหว้หลวงพ่อโตวัดพนัญเชิง แต่มีจำนวนน้อยที่รู้เรื่องตำนานรักขมระหว่างเจ้าชายสายน้ำผึ้งพระนางสร้อยดอกหมาก